เคหาสน์เหมันต์ - นิยาย เคหาสน์เหมันต์ : Dek-D.com - Writer
×

    เคหาสน์เหมันต์

    เหมันต์รัญจวนไห้หวนจำ จารตระหนักพร่ำพรูเกลื่อนแผ่นฟ้า จากจรใยให้พบประสบซ้ำ ชอกช้ำอนันตกาลผลาญใจ

    ผู้เข้าชมรวม

    823

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    823

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    11
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  30 ก.ค. 58 / 20:43 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ขอออกตัวก่อนว่า 
                        นิยายเรื่องนี้ไม่อิงข้อมูลประวัติศาสตร์จีนยุคใดๆ ทั้งสิ้นจ้า 
    เพราะประวัติศาสตร์ไทยผู้เขียนยังไม่แม่นเลยจ้ะ 
    เรียกว่า จิ้นล้วนๆ ไม่เอาผัก เอาเส้น กันเลยทีเดียว 
    ผู้อ่านจะได้เพียงความบันเทิงเท่านั้นแจ๊ะ 
    *ปูลู เขียนช้าด้วยนะเออ ถ้าไม่กลัวอารมณ์ค้าง โปรดติดตามอย่างสโลว์ไลฟ์จ้ะ

    นิยายเรื่องนี้เป็นหนึ่งในชุด สี่บุปผากลางใจ ประกอบด้วย

    1. ราตรีทะเลทราย (ฮวาเยี่ยเซียง)

    2. เคหาสน์เหมันต์ (ฮวาชุนหลัน)

    3. เมฆาในห้วงฝัน (ฮวาไป๋ฉาน)

    4. จอมรักพิทักษ์ใจ (ฮวาอวี้หลิง)

    นะจ๊ะ


    แนะนำตัวละคร
    จิรสุตา (เจินเป่า, ฮวาชุนหลัน, หยุนชุนหลัน) 
    หญิงสาวชาวไทยจากยุค 2000 หลังจากเสียชีวิต ดวงวิญญาณก็ไปสถิตย์อยู่ในจีนยุคโบราณ 
    มีท่านเจ้าที่เขาดอกท้อกับเซียนค้างคาวเป็นเพื่อน และคอยปกป้อง 
    เนื่องจากมีความงามนักหนา เหล่าเทพ เซียน ปีศาจราคะจึงหมายจ้องจะจับกินอยู่เรื่อย
    เชี่ยวชาญหมากล้อมระดับเหรียญหยกมันแพะ



    เกาเยวี่ยเฟิง

    บุตรชายคนโตของเสนาบดีเกา บุคลิกเงียบขรึมจนบริวารเกรงกลัว ฉลาดอย่างกับมีเชื้อสายยิว เย็นชากับสตรี (แต่แอบรักเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง หุหุ)  

    ชอบทำงานออกแบบทุกสิ่งอย่าง จนได้ฉายาว่า นายช่างอัจฉริยะ 

    หลังจากบิดาเสีย จักรพรรดิจึงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายกองช่างประจำราชสำนัก ซึ่งมีอายุน้อยที่สุดนับแต่มีตำแหน่งนี้

    ไอดอลคือ ลีโอนาโด ดาวินซี 



    อวี้เปียนฝู

    เซียนค้างคาวแห่งเขาดอกท้อ รูปลักษณ์ละมุนละไมคล้ายสาวหล่อ ชอบกินผลท้อและสูดดมกลิ่นดอกท้อ มีนิสัยรักสนุก ห่วงใยและคอยช่วยเหลือเจินเป่าน้อย 

    มีประวัติความเป็นมาไม่แน่ชัด 



    เคหาสน์เหมันต์

    บทนำ

    “ถ้าฉันตาย ฉันอยากไปสิงอยู่ในบ้านหลังนี้”

    จิรสุตาจิ้มนิ้วลงไปในหน้านิตยสารตกแต่งบ้านหน้าหนึ่งให้เกาเยวี่ยเฟิงดู นิตยสารเล่มนี้ตีพิมพ์ออกมาหลายเดือนแล้ว เธอซื้อมันวันที่มีนัดกับอดีตคนเคยลองคบหาดูใจกัน แล้วไปถึงที่นัดหมายก่อนร่วมครึ่งชั่วโมง การฆ่าเวลาที่เหลือเฟือนั้นคือการเข้าร้านหนังสือละแวกใกล้เคียง หลังจากพลิกนิตยสารหลากหลายเล่มที่วางแผง ภาพของบ้านและการตกแต่งภายในของบ้านหลังนี้ ได้ดึงดูดเธอให้หลงก้าวย่างเข้าไปสำรวจราวต้องมนต์สะกด จากที่เป็นคนไม่ซื้อหนังสือถ้าไม่จำเป็น ฉันยอมควักกระเป๋าจ่ายเพื่อสิ่งนี้แทบจะทันที

    เกาเยวี่ยเฟิงจ้องมองหน้ากระดาษพิมพ์สี่สีแล้วยิ้มจางๆ แม้เพียงเท่านั้น จิรสุตาพลันรู้สึกว่าห้องพักรวมในโรงพยาบาลรัฐแห่งนี้สว่างสดใสขึ้นมาทันที ราวกับแสงอาทิตย์สาดความอบอุ่นเข้ามาให้คนเจ็บป่วยคลายหนาวเหน็บลงบ้าง สำหรับฤดูเหมันต์ที่มีชายผู้นี้อยู่เคียงข้างเตียงของโรงพยาบาลที่เธอนอนแล้ว จิรสุตาก็เลิกกังวลถึงอนาคตอันมืดหม่นไปได้ชั่วขณะ

    “ขอบคุณพี่เยวี่ยเฟิงมากนะคะที่สละเวลามาอยู่เป็นเพื่อนฉัน” จิรสุตาเดาสายตาของเกาเยวี่ยเฟิงที่เงยขึ้นสบตาเธอไม่ออก เขาเป็นคนอ่านยากอย่างนี้นับตั้งแต่ได้รู้จักเขาเมื่อสามปีก่อนแล้ว เหตุเพราะบิดาของเขา เกาซิ่นสือ ซึ่งเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ไปรับตัวเธอมาจากเมืองไทย ตามคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับจักรพงศ์ บิดาของเธอ ซึ่งเสียชีวิตเพราะช่วยเกาซิ่นสือและเกาเหยี่ยเฟิงจากเหตุดินถล่ม

    ในวันที่เธอไม่เหลือใครเพราะมีเพียงบิดาเป็นที่พึ่งคนเดียวมาตลอดชีวิต ต้องขอบคุณสวรรค์ที่ยังเมตตาส่งผู้ชายใจดีสองคนมาให้เธอเพื่อชดเชย

    “พี่คงลืมบอกเราไปว่าตอนนี้พี่ลางานได้สองอาทิตย์ คราวนี้จะได้อยู่เป็นเพื่อนเรานานหน่อย” เขาพูดพลางใช้นิ้วเกลี่ยปอยผมตรงหน้าผากของจิรสุตาไปทัดหู เห็นรอยยิ้มออดอ้อนน้อยๆ นั้น ลำคอก็เหมือนมีก้อนแข็งๆ จุกเจ็บ แต่เพราะเป็นคนเก็บซ่อนอารมณ์ได้ดีมาแต่ไหนแต่ไร ใบหน้าคมสันจึงไม่เปลี่ยนไปให้อีกฝ่ายจับได้

    “ดีจริง” จิรสุตาเอ่ยได้เพียงแค่นั้นก็ต้องนิ่วหน้า อาการปวดหลังของเธอที่จู่ๆ ก็โจมตีเข้ามาทำให้ใบหน้าละมุนนิ่วจนหัวคิ้วย่น

    “เป็นอะไรมากไหม เจ็บมากเลยหรือ รอพี่ไปตามหมอก่อนนะ ได้โปรดอย่าเพิ่งเป็นอะไร รอพี่ก่อนนะ!!” ความสุขุมนิ่งเย็นของเกาเยวี่ยเฟิงแตกละเอียด มือสองข้างลูบแขนลูบศีรษะให้อย่างปลอบประโลม ทั้งเพื่อเธอและตัวเขาเอง ความตระหนกทำให้เขาขาดสติ ลืมไปว่าสามารถกดปุ่มฉุกเฉินบริเวณหัวเตียงเรียกแพทย์มาได้ แต่เขากลับทำให้ทุกอย่างยิ่งช้าเกินไป

    จิรสุตาไม่ทันได้รั้งเขาไว้ ภาพแผ่นหลังผึ่งผายกับท่อนขายาววิ่งหายลับไปกับช่องประตูแล้ว เธอกอดหนังสือแนบอกแน่น หวังถ่ายทอดความเจ็บทรมานออกจากกายไปสู่มันได้บ้าง ทว่ามือขยุ้มกระดาษที่ปกติทะนุถนอมจนยับยู่ฉีกขาดแล้ว ความเจ็บปวดก็ไม่ทุเลาลงเลย มีแต่จะมากขึ้น มากขึ้น กระทั่งสติสัมปชัญญะขาดหาย ลมหายใจขาดห้วง สิ่งที่เธอยึดถือไว้ในนาทีสุดท้ายก็ต้องปลดปล่อยทิ้งไป…

    …เหลือไว้เพียงความคิดคำนึงสุดท้ายที่ไม่มีใครรู้เท่านั้น 


    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น